ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจรูปร่างและสุขภาพมากขึ้น การมีรูปร่างกระชับ กลายเป็นเป้าหมายที่หลายคนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือคนที่พยายามควบคุมน้ำหนัก แต่ยังมีจุดที่ “ลดยาก” เช่น ไขมันหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือเหนียงใต้คาง การดูดไขมันจึงเป็นหนึ่งในหัตถการทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ “ลดไขมันเฉพาะจุด” ได้รวดเร็วและแม่นยำ
แม้จะเป็นหัตถการยอดนิยม แต่หลายคนยังเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการดูดไขมัน หรือไม่รู้ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจให้มากขึ้นกับ “สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับการดูดไขมัน” เพื่อการตัดสินใจอย่างมั่นใจและปลอดภัยค่ะ
1. ดูดไขมันไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการดูดไขมันจะช่วยลดน้ำหนักลงได้อย่างรวดเร็ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การดูดไขมันไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีนัยสำคัญ เพราะไขมันมีน้ำหนักเบา หากดูดออกไปจำนวนหนึ่ง อาจลดน้ำหนักได้เพียง 1–3 กิโลกรัมเท่านั้น
สิ่งที่การดูดไขมันทำได้คือ “การปรับรูปร่าง” ให้สัดส่วนดูดีขึ้น เช่น ลดพุง ลดต้นแขน สร้างเอวเอส ฯลฯ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวคงที่แล้ว แต่อยากกำจัดไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ลดยาก เช่น บริเวณหน้าท้องด้านล่าง ต้นขาด้านใน หรือหลังส่วนล่าง
2. มีเทคโนโลยีการดูดไขมันที่ทันสมัยมากขึ้น
ปัจจุบันมีเทคนิคการดูดไขมันหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีแตกต่างกัน เช่น
- Body Jet Liposuction: ใช้แรงดันน้ำในการแยกไขมันออกจากเนื้อเยื่อ ลดความบอบช้ำของเส้นเลือดและเนื้อเยื่อรอบข้าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นตัวไว
- VASER Liposuction: คือเทคโนโลยีการดูดไขมันด้วยการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์สลายไขมันก่อนดูดออก ทำให้ไขมันที่ดูดออกมาอยู่ในสภาพดี เหมาะสำหรับนำไปเติมไขมันในจุดอื่น
- Laser Liposuction (SmartLipo): ใช้เลเซอร์ละลายไขมันก่อนดูดออก พร้อมช่วยกระชับผิว ลดการเกิดผิวเป็นคลื่น
อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีดูดไขมันที่เหมาะสม ควรควรอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากต้องประเมินทั้งสภาพผิว ความหนาของไขมัน และจุดประสงค์ในการทำ เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปได้จริง และใกล้เคียงกับความต้องการของผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด
3. ดูดไขมัน ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้การดูดไขมันสามารถทำภายใต้ ยาชาเฉพาะที่ หรือ ยาสลบ โดยยาเหล่านี้จะช่วยทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างทำ และหลังทำก็มีอาการบวมหรือระบมน้อยลงมาก
ในบางกรณี ผู้รับการดูดไขมันสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียวกัน และใช้เวลาพักฟื้นเพียงไม่กี่วัน (ขึ้นอยู่กับปริมาณและตำแหน่งที่ดูดไขมัน) โดยทั่วไปอาจต้องใส่ชุดกระชับสัดส่วนประมาณ 2–4 สัปดาห์ และงดออกกำลังกายหนักในช่วงแรก
4. ช่วยสร้างสุขภาพที่ดี
แม้เป้าหมายหลักของการดูดไขมันคือความสวยงาม แต่ในบางกรณีก็มีผลต่อสุขภาพ เช่น
- มีส่วนในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และไขมันไม่ดีในเลือด
- ช่วยให้ผู้ป่วยบางรายที่มีไขมันสะสมรอบตับหรือตับอ่อน มีภาวะสุขภาพดีขึ้น
- ช่วยลดแรงกดทับข้อเข่า หรือข้อสะโพกในผู้ที่มีไขมันสะสมมากบริเวณลำตัวล่าง
อย่างไรก็ตาม ควรใช้การดูดไขมันเป็นทางเลือกเสริม ไม่ใช่วิธีรักษาหลักของโรค
5. ผลลัพธ์ไม่เทียบเท่าการออกกำลังกาย
มีความเข้าใจผิดว่าการดูดไขมันทั้งตัวให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการออกกำลังกายเพียง 1 เดือน แต่ความจริงแล้ว การดูดไขมันและการออกกำลังกายให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน การดูดไขมันเป็นเพียงการกำจัดไขมันส่วนเกิน ไม่ได้สร้างกล้ามเนื้อหรือเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายเหมือนการออกกำลังกาย
6. ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ
การดูดไขมันเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ควรทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการ และทำในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตให้ทำการผ่าตัดศัลยกรรม ไม่ควรทำในคลินิกเถื่อนหรือสถานพยาบาลที่ไม่มีใบอนุญาต เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อ เสียเลือดมาก ผิวไม่เรียบ หรือในกรณีรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน ควรตรวจสอบว่าแพทย์ผู้ทำเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งที่ได้รับวุฒิบัตรจากแพทยสภา และมีประสบการณ์ในหัตถการนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจทั้งในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
7. ผลลัพธ์ไม่ถาวร หากไม่ดูแลตัวเองต่อ
แม้การดูดไขมันจะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันออกไปได้บางส่วนอย่างถาวร แต่หากไม่ควบคุมอาหาร หรือขาดการออกกำลังกาย ร่างกายก็สามารถสร้างไขมันสะสมใหม่ขึ้นมาได้อีกในบริเวณที่เคยดูดไขมันไปแล้ว
ดังนั้นการดูแลตัวเองหลังทำ เช่น การรับประทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น และไม่เกิดการกลับมาสะสมของไขมันในบริเวณเดิม
การดูดไขมันเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินที่มีข้อจำกัดในการลดสัดส่วน เช่น ไม่สามารถควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจทำการดูดไขมันควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เนื่องจากการดูดไขมันนับเป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่งที่อาจมีความเสี่ยงทั้งในเรื่องผลลัพธ์ที่อาจไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้ อีกทั้งยังควรปรึกษาศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านการดูดไขมันร่วมด้วยเพื่อให้มั่นใจว่าการดูดไขมันจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และมีการดูแลตลอดการผ่าตัดให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดได้รับความปลอดภัยสูงสุดค่ะ


